เปิดใจ "หมอต้น ณัฐวรรธ วิฑูรย์" ผู้ไขปริศนา Brain Fog: ภาวะหลัง Long Covid ที่สมองคุณต้องใส่ใจ
- SPARK IDEA Digital Marketing

- 6 ส.ค.
- ยาว 5 นาที

สวัสดีครับทุกท่าน ผม นายแพทย์ณัฐวรรธ วิฑูรย์ หรือที่หลายท่านรู้จักในนาม "หมอต้น" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเฉพาะทางระบบประสาทและสมอง ผู้ที่เชื่อมั่นในศักยภาพไร้ขีดจำกัดของสมองและร่างกายมนุษย์ และมุ่งมั่นที่จะนำพาความรู้ ความเข้าใจ และนวัตกรรมทางการแพทย์มาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกท่าน ตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษในวิชาชีพแพทย์ ผมได้อุทิศตนให้กับการทำความเข้าใจความซับซ้อนของระบบประสาทและสมอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา ตั้งแต่การหายใจ การเต้นของหัวใจ ไปจนถึงความคิดที่ลึกซึ้ง ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน และการเคลื่อนไหวที่แม่นยำที่สุด ด้วยความมุ่งมั่นนี้ ผมจึงได้ก่อตั้ง ศูนย์ดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุเชียงใหม่เนิร์สซิ่งโฮมแคร์ (CMNH) ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านแห่งการฟื้นฟูที่อบอุ่นสำหรับผู้ป่วยสูงอายุและผู้ป่วยทางระบบประสาทที่ต้องการการดูแลระยะยาวอย่างใกล้ชิด รวมถึง ศูนย์ดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุ แทรงควิลา (Tranquila Elderly Care) ที่มอบบรรยากาศแห่งความสงบและเป็นส่วนตัวในการฟื้นฟูสุขภาพกายและใจ และหัวใจสำคัญของบริการด้านการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา คือ คลินิกหมอต้น - ณัฐวรรธ โรคระบบประสาทและสมอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับทุกท่านที่มีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพสมองและระบบประสาท
วันนี้ ผมอยากจะชวนทุกท่านมาดำดิ่งสู่โลกของ "Long Covid" และหนึ่งในภาวะที่น่าสนใจและท้าทายที่สุดที่เกิดขึ้นกับสมอง นั่นคือ "BRAIN FOG" ซึ่งเป็นอาการที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนจำนวนมากในยุคหลังการแพร่ระบาดของ Covid-19 ครับ
ถอดรหัส "Long Covid" และการปรากฏตัวของ "Brain Fog" ในสมองของเรา

วิกฤตการณ์ Covid-19 ที่โลกเราได้เผชิญหน้ามาตั้งแต่ต้นปี 2020 ไม่ได้เพียงแต่สร้างความเสียหายในระยะเฉียบพลันเท่านั้น แต่ยังทิ้งร่องรอยแห่งผลกระทบไว้ในร่างกายของใครหลายคนในระยะยาว ภาวะนี้เรารู้จักกันในชื่อ "Long Covid" หรืออาการป่วยเรื้อรังหลังการติดเชื้อโควิด-19 โดยผู้ป่วยอาจยังคงมีอาการผิดปกติอยู่ต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์ หรือแม้กระทั่งหลายเดือน หลังจากการติดเชื้อโควิด-19 และหายจากอาการเฉียบพลันไปแล้ว แม้ผลการตรวจเชื้อจะเป็นลบก็ตาม อาการของ Long Covid นั้นหลากหลายและสามารถบั่นทอนกำลังกายและใจได้อย่างคาดไม่ถึง ตั้งแต่ความอ่อนเพลียเรื้อรังที่ทำให้รู้สึกเหมือนแบกภูเขาไว้บนบ่า ปวดเมื่อยตามข้อและกล้ามเนื้อที่ทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างยากลำบาก หายใจลำบาก หรืออาการไอเรื้อรังที่ไม่หายขาด ไปจนถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบประสาทและสมอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสมองให้ความสำคัญและศึกษาอย่างใกล้ชิดตลอดมา
ในบรรดาอาการของ Long Covid ที่ส่งผลกระทบต่อสมองนั้น ไม่มีอะไรที่จะโดดเด่นและสร้างความกังวลใจให้กับผู้ป่วยมากไปกว่าภาวะ "BRAIN FOG" ชื่อนี้อาจฟังดูเหมือนหมอกควันบาง ๆ ที่ปกคลุมอยู่ในสมอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันคือภาวะที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเหมือนสมองของตัวเองไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่แจ่มใส คิดช้าลง หลงลืมง่าย ขาดสมาธิ และรู้สึกมึนงงอยู่ตลอดเวลา ราวกับมีม่านหมอกมาบดบังความคิดและการรับรู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะสมองคือศูนย์กลางการทำงานของร่างกายและจิตใจ หากสมองทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การเรียนรู้ และความสุขโดยรวมของผู้ป่วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผู้ป่วยหลายคนเมื่อมาปรึกษาผม มักจะบรรยายความรู้สึกที่คล้ายคลึงกันราวกับออกมาจากบทเดียวกันว่า พวกเขารู้สึกเหมือน "ตื่นมาทำงานตอนตี 2 ตลอดเวลาเลยครับ/ค่ะ ทั้งที่นอนเต็มที่แล้ว" หรือ "รู้สึกเหมือนทานยานอนหลับอย่าง Diazepam ไปแล้ว แต่ก็ยังต้องฝืนลุกมาทำงาน" คำบอกเล่าเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกงัวเงีย ไม่สดชื่น และภาวะสมองที่ไม่ตื่นตัวอย่างที่ควรจะเป็น แม้ร่างกายจะตื่นอยู่ก็ตาม เป็นความรู้สึกที่หลายคนเข้าใจดีว่ามันบั่นทอนกำลังใจและประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตมากเพียงใด
แกะรอยต้นตอของ Brain Fog: จากการขาดออกซิเจนสู่การทำลายเซลล์สมองโดยตรง

ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 เป็นต้นมา เมื่อ Covid-19 เริ่มแพร่ระบาดไปทั่วโลก และอาการ Long Covid เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นในกลุ่มผู้ที่หายป่วย งานวิจัยทางการแพทย์จำนวนมากทั่วโลกต่างหันมาให้ความสนใจและเริ่มตีพิมพ์เกี่ยวกับภาวะ Brain Fog ที่เกิดขึ้นหลังการติดเชื้อ Covid-19 มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีการบรรยายถึงอาการและพยายามค้นหาสาเหตุของมันอย่างละเอียดลออ
ในระยะแรก นักวิจัยและแพทย์หลายท่านสันนิษฐานว่าสาเหตุหลักของ Brain Fog อาจเกิดจากภาวะที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ หรือที่เรียกว่า "ภาวะพร่องออกซิเจนในเลือด (Hypoxia)" ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เชื้อ Covid-19 เข้าไปทำลายปอด ทำให้ความสามารถในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ของปอดลดลงอย่างมาก เมื่อปอดทำงานได้ไม่เต็มที่ ปริมาณออกซิเจนที่ส่งไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมอง ซึ่งเป็นอวัยวะที่ต้องการออกซิเจนในปริมาณมากตลอดเวลา ก็ย่อมลดลงตามไปด้วย การขาดออกซิเจนเรื้อรังนี้เองที่เชื่อว่าส่งผลกระทบต่อการทำงานของเซลล์สมองและก่อให้เกิดอาการ Brain Fog ขึ้นมาในที่สุด อาการทั่วไปของ Brain Fog ที่ผู้ป่วยมักมาปรึกษาผม ประกอบไปด้วย:
กระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิ: รู้สึกกระวนกระวายใจ และไม่สามารถจดจ่อกับงานหรือกิจกรรมใด ๆ ได้นาน รู้สึกสมาธิสั้นลงอย่างเห็นได้ชัด
มึนงง เวียนศีรษะ: มีอาการมึนงง หรือเวียนศีรษะ รู้สึกโคลงเคลง หรือไม่มั่นคง ทำให้การทรงตัวและการเคลื่อนไหวบางอย่างทำได้ยาก
ปวดศีรษะง่าย และบ่อยกว่าปกติ: มีอาการปวดหัวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และอาจมีความรุนแรงมากกว่าที่เคยเป็น ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและทำงานได้ไม่เต็มที่
ลืมง่าย: มีปัญหาด้านความจำระยะสั้น หลงลืมสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ลืมวางของ ลืมนัดหมาย ลืมชื่อคน ลืมคำพูดขณะสนทนา หรือลืมรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม วิทยาศาสตร์ก็ไม่เคยหยุดนิ่งในการแสวงหาความจริง และความก้าวหน้าทางงานวิจัยก็ยังคงเปิดเผยความลับของภาวะนี้อย่างต่อเนื่อง การศึกษาล่าสุดที่สร้างความตื่นตะลึงและให้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น มาจากผลงานวิจัยของ สถาบัน Pasteur ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ระดับโลกอย่าง Science Advances (สำหรับท่านที่ชอบอ่านงานวิจัยเชิงลึก นี่คือวารสารที่คล้ายคลึงกับนิตยสาร National Geographic ฉบับโมเลกุล ที่เจาะลึกถึงระดับเซลล์และชีวโมเลกุล ซึ่งถ้าใครนอนหลับยาก ลองหามาอ่าน อาจช่วยให้หลับสบายได้ครับ... ผมล้อเล่นนะครับ แต่รับรองว่าเนื้อหาลึกซึ้งและน่าทึ่งจริง ๆ ครับ)
งานวิจัยชิ้นนี้ได้ค้นพบสิ่งที่น่าทึ่งและน่าตกใจในเวลาเดียวกัน นั่นคือ เมื่อร่างกายมนุษย์ได้รับเชื้อ Covid-19 เข้าไป เชื้อไวรัสเหล่านี้มีความสามารถพิเศษในการ "ขุดเจาะอุโมงค์ขนาดเล็กในระดับนาโนเมตร" จากโพรงจมูกโดยตรง และสามารถเดินทางเข้าสู่สมองได้! และที่สำคัญกว่านั้นคือ การเข้าถึงสมองของเชื้อไวรัสเหล่านี้ สามารถก่อให้เกิดการบาดเจ็บและทำลายเซลล์สมองได้โดยตรง! นี่คือการค้นพบที่สำคัญยิ่ง เพราะมันยืนยันอย่างชัดเจนว่า Brain Fog ไม่ได้เป็นเพียงผลพวงทางอ้อมจากการขาดออกซิเจนเท่านั้น แต่อาจเกิดจากความเสียหายโดยตรงที่เชื้อไวรัสก่อขึ้นกับเนื้อเยื่อสมอง ซึ่งส่งผลให้สมองของเราไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดภาวะ Brain Fog ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตขึ้นมาได้ การทำความเข้าใจกลไกที่ซับซ้อนเหล่านี้อย่างถ่องแท้ ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับผมและทีมแพทย์ทุกคนในการพัฒนาแนวทางการรักษาและการฟื้นฟูที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยที่ต้องทนทุกข์กับภาวะ Brain Fog สามารถกลับมามีสุขภาพสมองที่แจ่มใสและมีคุณภาพชีวิตที่ดีดังเดิม
4 กุญแจสำคัญสู่การฟื้นฟูสมองจาก Brain Fog: แนวทางจากงานวิจัยสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ด้วยความกังวลต่อสุขภาพสมองของผู้ป่วย ผมจึงไม่รอช้าที่จะค้นคว้าและศึกษาเพิ่มเติมในงานวิจัยเกี่ยวกับ Brain Fog อีกหลายฉบับ เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขและข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ป่วย ซึ่งผมได้รวบรวมและกลั่นกรองออกมาเป็น 4 กุญแจสำคัญ ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพื่อช่วยฟื้นฟูสมองให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง:
1. การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic Exercise): ยาอายุวัฒนะสำหรับสมองและร่างกาย

หลายคนอาจมองว่าการออกกำลังกายเป็นเพียงการดูแลร่างกายให้แข็งแรง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การออกกำลังกายแบบแอโรบิก ถือเป็น "ยาอายุวัฒนะ" สำหรับสมองอย่างแท้จริง การออกกำลังกายประเภทนี้หมายถึงการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอในระดับที่หัวใจเต้นเร็วขึ้นและหายใจแรงขึ้นเล็กน้อย เช่น การเดินเร็ว การวิ่งเหยาะ ๆ การว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน หรือแม้แต่การเต้นแอโรบิกเบา ๆ การทำกิจกรรมเหล่านี้ครั้งละ 10-15 นาที วันละ 3-4 ครั้ง หรือรวมกันให้ได้ประมาณ 30-60 นาทีต่อวัน สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย รวมถึงการนำพาออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นขึ้นสู่สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อสมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ เซลล์สมองจะทำงานได้ดีขึ้น การเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทจะแข็งแรงขึ้น ซึ่งช่วยลดภาวะสมองล้า เพิ่มความสามารถในการจดจ่อ การเรียนรู้ และความจำ นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทหลายชนิด เช่น เอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ที่ช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า ซึ่งมักเป็นอาการร่วมที่พบในผู้ป่วย Long Covid และ Brain Fog การออกกำลังกายจึงไม่เพียงแต่ฟื้นฟูสมองในระดับกายภาพ แต่ยังช่วยเยียวยาจิตใจให้กลับมาสดใสได้อีกด้วย
2. การรับประทานอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Style Diet): โภชนาการเพื่อสมองที่แข็งแรงและมีชีวิตชีวา

"อาหารคือยา" คำกล่าวนี้เป็นความจริงอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงสุขภาพสมอง การรับประทานอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นรูปแบบโภชนาการที่มีประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงสุขภาพสมองอย่างที่หลายงานวิจัยได้ยืนยัน อาหารเมดิเตอร์เรเนียนเน้นการรับประทาน:
น้ำมันมะกอก Extra Virgin: เป็นแหล่งของไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (monounsaturated fat) ซึ่งเป็นไขมันดีที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกายและปกป้องเซลล์สมองจากความเสียหาย นอกจากนี้ยังช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น
ผลไม้และผักหลากสีสัน: อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) นานาชนิด ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกันเซลล์สมองจากอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมของเซลล์
เมล็ดธัญพืชและถั่วต่าง ๆ: เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดแฟลกซ์ เป็นแหล่งของใยอาหาร วิตามินบี และสารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการผลิตพลังงานให้กับสมอง และช่วยรักษาสมดุลของสารสื่อประสาท
ปลาและอาหารทะเล: โดยเฉพาะปลาที่มีไขมันสูง เช่น แซลมอน ทูน่า แมคเคอเรล ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของกรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 Fatty Acids) โดยเฉพาะ DHA และ EPA ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์สมอง และมีบทบาทสำคัญในการทำงานของเซลล์ประสาท การสื่อสารระหว่างเซลล์ และช่วยลดการอักเสบในสมอง
การรับประทานอาหารในสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวจากภาวะ Brain Fog ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มความจำ สมาธิ และความสามารถในการคิดวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ผมต้องขอแอบเสียดายเล็กน้อยที่งานศึกษาเหล่านี้ ไม่แนะนำอาหารเมดิเตอร์เรเนียนยอดนิยมอย่างพิซซ่าและไวน์อิตาเลียน ให้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการฟื้นฟูสมอง! (เป็นเพียงการหยอกล้อในวงการวิชาการนะครับ) สิ่งสำคัญคือการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วน เพื่อบำรุงสมองให้แข็งแรงและพร้อมรับมือกับทุกสิ่ง
3. การทำกิจกรรมกระตุ้นสมอง: ฝึกฝนสมองให้เฉียบคมอยู่เสมอ

สมองก็เหมือนกับกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ของร่างกายครับ ยิ่งใช้งานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น การทำกิจกรรมที่กระตุ้นการทำงานของสมองอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยฟื้นฟูและสร้างการเชื่อมต่อใหม่ ๆ ระหว่างเซลล์ประสาท (Neuroplasticity) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ภาวะ Brain Fog กิจกรรมที่ผมแนะนำได้แก่:
เล่นเกมฝึกสมอง: เกมที่ต้องใช้ความคิด การวางแผน หรือการแก้ปัญหา เช่น ซูโดกุ (Sudoku) ครอสเวิร์ด (Crossword) หมากรุก หมากฮอส หรือแม้กระทั่งวิดีโอเกมบางชนิดที่ต้องใช้ความคิดและกลยุทธ์ ไม่ใช่เพียงแค่ความบันเทิง แต่ยังเป็นการออกกำลังกายสมองที่ดีเยี่ยม
พูดคุยพบปะสังสรรค์: การปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือการเข้าร่วมกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร ภาษา ความจำ และอารมณ์ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรื่องราวต่าง ๆ ช่วยให้สมองได้ประมวลผลข้อมูลและสร้างความเชื่อมโยงใหม่ ๆ
วางแผนการซื้อของ (Shopping): กิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ดูเหมือนง่าย ๆ อย่างการวางแผนซื้อของ ก็เป็นการบริหารสมองที่ดีเยี่ยมครับ ตั้งแต่การจดจำรายการสินค้า การเปรียบเทียบราคา การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า การวางแผนเส้นทางในซูเปอร์มาร์เก็ต ล้วนเป็นการบริหารสมองในหลายส่วนพร้อมกัน
ท่องเที่ยวและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ: การได้เดินทางไปยังสถานที่ใหม่ ๆ สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่าง การเรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ หรือทักษะใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรี การวาดรูป หรือการทำอาหาร ล้วนเป็นการกระตุ้นให้สมองสร้างการเชื่อมต่อใหม่ ๆ และเพิ่มความยืดหยุ่นของสมอง สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสดใส ลดความเบื่อหน่าย และเติมเต็มความสุขในชีวิต ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพจิตโดยรวม อันเป็นส่วนสำคัญของการฟื้นตัวจาก Brain Fog
4. การดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท

แม้จะดูเป็นคำแนะนำที่เรียบง่าย แต่การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวันมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของเซลล์สมองและระบบประสาท สมองของคนเราประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ การขาดน้ำเพียงเล็กน้อย (Dehydration) ก็อาจส่งผลให้สมองทำงานได้ไม่เต็มที่ เกิดอาการอ่อนเพลีย ขาดสมาธิ ความคิดไม่ปลอดโปร่ง หรือแม้กระทั่งมึนงงและปวดศีรษะได้ ดังนั้น การจิบน้ำเปล่าสะอาดตลอดทั้งวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม
ในทางตรงกันข้าม การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด แอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดประสาทโดยตรง และสามารถทำลายเซลล์สมองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่กำลังฟื้นตัวจากภาวะ Long Covid และ Brain Fog การดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้อาการ Brain Fog แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ขัดขวางกระบวนการฟื้นฟูของสมอง และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในระยะยาว ดังนั้น การงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาดในช่วงฟื้นฟูสุขภาพสมอง ถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ ครับ
นวัตกรรมสู่การฟื้นฟู: โปรแกรมการกระตุ้นสมองและยาบำรุงสมองที่คลินิกหมอต้น
ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผมตระหนักดีว่าสำหรับบางกรณี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง หรือต้องการการฟื้นฟูที่จำเพาะเจาะจงมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ที่คลินิกหมอต้น - ณัฐวรรธ โรคระบบประสาทและสมอง เราจึงได้นำนวัตกรรมการรักษาและโปรแกรมฟื้นฟูที่ได้รับการยอมรับระดับสากลมาให้บริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วยแต่ละรายอย่างเหมาะสม
1. โปรแกรม TMS (Transcranial Magnetic Stimulation): กระตุ้นเซลล์สมองสู่การฟื้นตัว

เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในการรักษาโรคทางระบบประสาทและจิตเวชหลายชนิด TMS ทำงานโดยการสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าผ่านขดลวดที่วางอยู่เหนือศีรษะ เพื่อกระตุ้นเซลล์สมองในบริเวณเป้าหมาย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของวงจรประสาท ซึ่งส่งผลดีต่ออาการต่างๆ การรักษาใช้เวลาประมาณ 30-60 นาทีต่อครั้ง และไม่มีการผ่าตัด ไม่ต้องใช้ยาสลบ ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติหลังการรักษา
กระตุ้นเซลล์สมอง: ช่วยปรับสมดุลการทำงานของเซลล์ประสาท เพิ่มการเชื่อมต่อ และส่งเสริมการทำงานของสมองในภาพรวม
เหมาะสำหรับผู้มีภาวะ:
ซึมเศร้า
ความจำบกพร่อง
อัมพฤกษ์ อัมพาต (เพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและการทำงานของระบบประสาท)
ไมเกรน และอาการปวดศีรษะเรื้อรังอื่นๆ
การบาดเจ็บที่สมอง (เช่น TBI - Traumatic Brain Injury)
การรักษาอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์สำหรับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
2. โปรแกรม PMS (Peripheral Magnetic Stimulation): ปลุกพลังเส้นประสาทส่วนปลาย

คล้ายคลึงกับ TMS แต่ PMS เน้นการกระตุ้นเส้นประสาทส่วนปลายด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยจะเน้นการกระตุ้นเฉพาะจุดที่เกิดอาการผิดปกติ การรักษาใช้เวลาสั้นเพียง 5-10 นาทีต่อจุด ทำให้สะดวกและรวดเร็ว
คุณสมบัติหลัก: กระตุ้นเส้นประสาทส่วนปลาย
เหมาะสำหรับผู้มีภาวะ/อาการ:
อาการชามือ ชาปลายเท้า
การบาดเจ็บของเส้นประสาทหรือกล้ามเนื้อ
ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ
ออฟฟิศซินโดรม (อาการปวดเมื่อยจากการทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน)
3. โปรแกรม TPS (Transcranial Pulse Stimulation) และ Memory Reset: “ฟื้นความทรงจำ… ก่อนที่จะหายไปตลอดกาล”

นี่คือนวัตกรรมล้ำหน้าอีกขั้นในการฟื้นฟูสมอง โดยเฉพาะในด้านความจำ TPS ทำงานโดยการส่งคลื่นกระตุ้นแบบพัลส์ (Pulse) ไปยังสมองโดยตรง และมีความปลอดภัย โปรแกรม Memory Reset ถูกออกแบบมาเพื่อมุ่งเน้นการฟื้นฟูสมองส่วน Hippocampus ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและดึงข้อมูลความจำ
เห็นผลในสมองส่วน Hippocampus โดยตรง: ช่วยกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์ประสาทในบริเวณที่รับผิดชอบเรื่องความจำโดยเฉพาะ
ฟื้นฟูครอบคลุม:
ด้านความจำ: ช่วยให้ความทรงจำดีขึ้น ลดอาการหลงลืม
ด้านอารมณ์: ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ ลดความหงุดหงิด หรืออาการซึมเศร้าที่อาจเกิดจากภาวะสมองเสื่อม
ด้านสมาธิ: ช่วยให้ความสามารถในการจดจ่อและการคิดวิเคราะห์ดีขึ้น
ดูแลปลอดภัย: ไม่มีการผ่าตัด ไม่ต้องฉีดยา และไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง
เพิ่มคุณภาพชีวิต: ผู้ป่วยสามารถสื่อสารได้ดีขึ้น มีอารมณ์ที่ดีขึ้น ลดภาระของผู้ดูแล และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น
4. โปรแกรม Cerebrolysin และ Somazina Brain Booster: ทางเลือกเพื่อการฟื้นฟูจากภายใน
นอกจากการกระตุ้นจากภายนอก เรายังมีทางเลือกเพื่อการฟื้นฟูสมองจากภายในด้วยยาฉีดคุณภาพสูง โปรแกรม Cerebrolysin และ โปรแกรม Somazina Brain Booster ซึ่งเป็นยาโปรตีนเปปไทด์เฉพาะทางที่ได้จากสมองสุกร ผลิตโดย EVER Neuro Pharma GmbH, ประเทศออสเตรีย และนำเข้าพร้อมขึ้นทะเบียนกับ องค์การอาหารและยา (อย.) ประเทศไทยอย่างถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
Cerebrolysin: เป็นยาที่มีคุณสมบัติเป็น neurotrophic factor complex ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต การอยู่รอด และการทำงานของเซลล์ประสาท
Somazina (Citicoline): เป็นสารประกอบที่สำคัญในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทและช่วยเพิ่มการผลิตสารสื่อประสาท
เหมาะสำหรับ (การรักษาทุกอย่างอยู่ภายใต้การวินิจฉัยและดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น):
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s)
ผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมชนิดต่างๆ (Dementia)
ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูการทำงานของสมองหลังการบาดเจ็บที่สมอง (TBI) หรือภาวะสมองขาดออกซิเจน
ผู้ที่มีโรคทางระบบประสาทอื่นๆ ที่แพทย์พิจารณาแล้วว่าเหมาะสมและมีข้อบ่งชี้ในการใช้ยา
แพ็กเกจ Neuro Sanctuary (ฟื้นฟูสมองแบบองค์รวม)

คลินิกหมอต้นได้ออกแบบแพ็กเกจการฟื้นฟูสมองแบบองค์รวม เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย โดยผสานการรักษาด้วย TMS และ Brain Booster เข้าด้วยกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
Package โปรแกรม Neuro Sanctuary: Mini Retreat
คุณสมบัติ: แพ็กคู่คืนพลังสมอง เติมไฟให้ชีวิต
ประกอบด้วย: โปรแกรม TMS 3 ครั้ง + Somazina สำหรับทาน
เหมาะกับ: วัยทำงานที่มีอาการเหนื่อยล้าต้องการบำรุงสมอง ฟื้นฟูสมองตื้อจากความเครียดสะสม
ราคา: เพียง 4,900.-
Package โปรแกรม Neuro Sanctuary: Smart Focus
คุณสมบัติ: แพ็กคู่ฟื้นฟูสมอง ฟื้นพลังใจ เพื่อความจำและสมาธิที่ดีขึ้น
ประกอบด้วย: โปรแกรม TMS 1 ครั้ง + Somazina 1 โดส
เหมาะกับ: ผู้ที่มีภาวะเครียด, สมองล้า, ความทรงจำลดลง, ภาวะ Brain Fog ในระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง
ราคา: เพียง 18,900.-
Package โปรแกรม Neuro Sanctuary: Deep Boost
คุณสมบัติ: แพ็กคู่ฟื้นฟูเซลล์สมองอย่างล้ำลึก สำหรับภาวะที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
ประกอบด้วย: โปรแกรม TMS 1 ครั้ง + Cerebrolysin 1 โดส
เหมาะกับ: ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง, โรคอัลไซเมอร์, ภาวะสมองล้าอย่างรุนแรง, หรือสมองขาดออกซิเจน
ราคา: เพียง 29,000.-
CMNH และ Tranquila Elderly Care: บ้านแห่งการดูแล ฟื้นฟู และความหวังที่ยั่งยืน

ที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุเชียงใหม่เนิร์สซิ่งโฮมแคร์ (CMNH) และ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุ แทรงควิลา (Tranquila Elderly Care) เราตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลผู้ป่วยอย่างครบวงจรและเป็นองค์รวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีภาวะทางระบบประสาทและสมอง ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมในระยะต่างๆ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก ผู้ป่วยหลังผ่าตัดสมองหรือไขสันหลัง ผู้ที่มีภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือแม้กระทั่งผู้ที่กำลังเผชิญกับภาวะ Brain Fog หลังการติดเชื้อ Covid-19 เราพร้อมที่จะเป็น "บ้าน" แห่งการฟื้นฟูที่อบอุ่นและปลอดภัยสำหรับคนที่คุณรัก ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่าทศวรรษ
CMNH ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2559 ด้วยความมุ่งมั่นและอุดมการณ์ของประสาทศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามท่าน ได้แก่ ผม (นายแพทย์ณัฐวรรธ วิฑูรย์), นายแพทย์เอกทิตย์ กู้ไพบูลย์, และนายแพทย์สุรเชษฐ์ พิสิทธิ์กุล ซึ่งทุกคนต่างมีเจตจำนงเดียวกันคือการมอบการดูแลที่มีคุณภาพสูงสุดในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อให้ผู้ป่วยทางระบบประสาทสามารถช่วยเหลือตัวเองและกลับคืนสู่สังคมได้อย่างเหมาะสมที่สุด เราเริ่มต้นจากความเชื่อที่ว่า "ถ้าผู้ป่วยท่านนั้นเป็นคนในครอบครัวของเราเอง เราอยากให้เขาได้รับการดูแลแบบไหน เราจะดูแลผู้ป่วยของเราแบบนั้น" นี่ไม่ใช่เพียงแค่ปรัชญาการทำงาน แต่เป็นหัวใจหลักที่เรายึดมั่นในทุกขั้นตอนการดูแล
ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา CMNH ได้พิสูจน์ถึงความเป็นมืออาชีพและความทุ่มเทในการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดและเป็นส่วนตัว ดังเช่นเรื่องราวที่สร้างความซาบซึ้งและภาคภูมิใจให้กับพวกเราอย่างยิ่ง นั่นคือเรื่องราวของคุณแม่ปัสสา ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ CMNH มาเกือบ 8 ปี จากวันที่คุณแม่ไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จนกระทั่งคุณแม่สามารถกลับมาพูดคุย นั่ง และทานข้าวได้เอง ซึ่งเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างทีมงานและพลังใจของผู้ป่วยและญาติ
ก้าวสำคัญสู่ทศวรรษใหม่: CMNH จับมือ MASTER Style Plc. ยกระดับการดูแลสุขภาพสู่ความเป็นเลิศ
ความสำเร็จที่ผ่านมา ตลอดจนวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ทำให้ CMNH ได้รับความเชื่อมั่นและโอกาสครั้งสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น นั่นคือการเข้าร่วมลงทุนจาก บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การตัดสินใจเข้าลงทุนใน CMNH ของ MASTER ด้วยจำนวน 6,667 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด รวมเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 50,000,000 บาท ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทุ่มงบประมาณรวม 468 ล้านบาทของ MASTER ในการขยายธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง
การร่วมเป็นพันธมิตรครั้งนี้ ไม่เพียงนำมาซึ่งการลงทุนด้านการเงินที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการนำมาซึ่งองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการแบบมืออาชีพจาก MASTER ซึ่งมีประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจสุขภาพ การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย และโอกาสในการขยายเครือข่ายบริการให้กว้างขวางและเข้าถึงได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ MASTER ได้ประโยชน์จาก Economy of Scale สามารถลดต้นทุนด้านเวชภัณฑ์และเครื่องมือทางการแพทย์ และนำเสนอการบริการที่มีคุณภาพสูงขึ้นไปอีกระดับ
จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือครั้งนี้ คือการที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุและผู้ป่วยด้านระบบประสาทและสมองของเราจะสามารถเติบโตไปเป็น "โรงพยาบาลฟื้นฟูเฉพาะทางด้านระบบประสาทและสมอง" นี่คือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และท้าทายความสามารถของทีมงานผู้บริหารและพนักงานทุกคน ที่จะต้องช่วยกันพัฒนาศักยภาพและเรียนรู้งานอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อก้าวไปสู่การเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านระบบประสาทและสมองในอนาคตอันใกล้
ในฐานะโรงพยาบาลฟื้นฟูเฉพาะทาง เราจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการซับซ้อนยิ่งขึ้น มีการเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยมากขึ้น และสามารถมอบการฟื้นฟูที่เข้มข้น ตรงจุด และครอบคลุมตามหลักการแพทย์สากลได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีโอกาสฟื้นตัวและกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างสูงสุด
วิสัยทัศน์ปลายทางของพวกเราไม่ได้แค่การมีโรงพยาบาลหรือศูนย์รักษาเฉพาะทางเพียงแห่งเดียว แต่คือการเป็น "บริษัทมหาชน" ที่ดำเนินธุรกิจครบวงจรในการดูแลผู้ป่วยระบบประสาทและกระดูกสันหลัง รวมถึงผู้สูงอายุระดับแนวหน้าของเอเชีย ภายใต้มาตรฐานการดูแลที่ดีที่สุด เพื่อให้คนไทยทุกคนได้เข้าถึงการรักษาคุณภาพสูงอย่างเท่าเทียม เรายังคงยึดมั่นในรากฐานเดิม คือ "ความจริงใจ ความเรียบง่าย และคุณธรรม" ที่ไม่เคยเปลี่ยน เพราะเราเชื่อว่าหัวใจของการบริการคือการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ผู้รับบริการ
ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย (Aged Society) อย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งแตกต่างจากประเทศพัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ที่ร่ำรวยแล้วจึงเข้าสู่สังคมสูงวัย ประเทศไทยเรากำลังเข้าสู่ภาวะสูงวัยโดยที่ยังไม่ร่ำรวยนัก เมื่อสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คำถามสำคัญที่ตามมาคือ ผู้สูงอายุจะอยู่อย่างไร จะมีใครดูแล โดยเฉพาะหากเป็นผู้สูงอายุในกลุ่มภาวะพึ่งพิง คือผู้สูงอายุที่อยู่ติดบ้านหรือติดเตียง ผู้ที่มีอาการทางระบบประสาท หรือกลุ่มผู้สูงวัยที่ไม่มีลูกหลาน
หากผู้สูงอายุที่ป่วยมีลูกหลานดูแล ลูกหลานก็ต้องใช้กำลังกาย ทุนทรัพย์ และเวลาส่วนตัวมหาศาล อาจต้องขาดงานหรือบางกรณีถึงขนาดต้องออกจากงานมาดูแล ทำให้รายได้และศักยภาพจากการทำงานของครอบครัวรวมไปถึงของสังคมลดลงไป เป็นความลำบากและลดประสิทธิภาพการใช้ชีวิตลงอย่างมาก
มากว่า 9 ปีแล้วที่ CMNH ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแลผู้สูงอายุอย่างมืออาชีพ ช่วยให้บุตรหลานสามารถทำงานและปฏิบัติภารกิจสร้างประโยชน์แก่สังคมและประเทศได้อย่างเต็มศักยภาพ มีประสิทธิภาพ ในปีที่ 10 และปีต่อๆ ไป เรายังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เราจะยกระดับการให้บริการสู่การเป็นโรงพยาบาลที่ให้บริการดูแลผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการดูแลในเรื่องระบบประสาทและสมอง ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญหลักของเรา
CMNH ขอให้ความมั่นใจแก่ผู้สูงวัยและครอบครัวได้ว่า ผู้สูงอายุที่เข้ารับบริการทุกกลุ่ม จะมีผู้ดูแลมืออาชีพ มีบ้านและสังคมที่อบอุ่น ไม่ถูกทอดทิ้ง ครอบครัวจะคลายความวิตกกังวลในการดูแลญาติผู้สูงอายุได้ และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเต็มที่
บทสรุปและกำลังใจจากใจ "หมอต้น"

ภาวะ "Brain Fog" เป็นสิ่งที่ผู้ป่วย Long Covid หลายคนกำลังเผชิญหน้าอยู่ และมันสามารถบั่นทอนคุณภาพชีวิตได้อย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการตระหนักว่าคุณไม่ได้เผชิญกับภาวะนี้เพียงลำพัง และมีแนวทางในการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพสมองให้กลับมาดีขึ้นได้เสมอ
การเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของ Brain Fog ซึ่งอาจเกิดจากการที่เชื้อไวรัสทำลายเซลล์สมองโดยตรง ตามงานวิจัยล่าสุดจากสถาบัน Pasteur และการปฏิบัติตามแนวทางการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ทั้งในเรื่องของการออกกำลังกายแบบแอโรบิก การรับประทานอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน การทำกิจกรรมกระตุ้นสมอง และการดื่มน้ำให้เพียงพอพร้อมทั้งหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถฟื้นตัวและกลับมามีสุขภาพสมองที่แข็งแรงแจ่มใสได้อีกครั้ง
และนอกเหนือจากการดูแลตัวเองแล้ว การเข้าถึงนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรม TMS, PMS, TPS/Memory Reset, หรือการใช้ Cerebrolysin และ Somazina Brain
Booster ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็เป็นทางเลือกที่สำคัญในการเร่งกระบวนการฟื้นฟูและช่วยให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ ขอให้ทุกท่านโชคดี รักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะ Long Covid, Brain Fog, หรือปัญหาสุขภาพสมองและระบบประสาทอื่น ๆ ผมและทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่เชียงใหม่เนิร์สซิ่งโฮมแคร์ (CMNH), แทรงควิลา (Tranquila Elderly Care) และคลินิกหมอต้น - ณัฐวรรธ โรคระบบประสาทและสมอง ยินดีให้คำแนะนำและพร้อมดูแลทุกท่านอย่างเต็มที่ครับ
เราพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางชีวิตของคุณและคนที่คุณรัก เพื่อมอบการดูแลที่ดีที่สุดและคืนคุณภาพชีวิตที่สดใสให้กลับคืนมา ด้วยความเคารพ เข้าใจ และจริงใจเสมอครับ
คลินิกหมอต้น - ณัฐวรรธ โรคระบบประสาทและสมอง
ท่านสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลหรือนัดหมายได้ที่
📞 094-267979
💌 Inbox: m.me/100057254267854
🌐 Website : www.cmnh.co.th
📍 Location: https://maps.app.goo.gl/2uYor1R1H9qNGBuN6
●—————◦◉◦—————●
ศูนย์ดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุ แทรงควิลา - Tranquila Elderly Care
ศูนย์ดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุเชียงใหม่เนิร์สซิ่งโฮมแคร์
คลินิกหมอต้น - ณัฐวรรธ โรคระบบประสาทและสมอง
Health Home Care เชียงใหม่ บริการเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่บ้าน โรงพยาบาล
เช่า - ขาย อุปกรณ์การแพทย์ ถังออกซิเจน เตียงผู้ป่วยเชียงใหม่



ความคิดเห็น