เมื่อชีวิตต้องหยุดนิ่ง: วิธีดูแลผู้ป่วยติดเตียง ให้อาหารทางสาย และเจาะคออย่างปลอดภัย โดยคุณเจี๊ยบ | ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เชียงใหม่
- SPARK IDEA Digital Marketing

- 20 ก.ย.
- ยาว 2 นาที

ในฐานะพยาบาลวิชาชีพที่คลุกคลีกับการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยมาตลอดหลายสิบปี ดิฉันได้เห็นช่วงเวลาสำคัญของชีวิตมากมายค่ะ และหนึ่งในความท้าทายที่หนักหน่วงที่สุดสำหรับทุกครอบครัว คือเมื่อบุคคลอันเป็นที่รักต้องเผชิญกับภาวะ ผู้ป่วยติดเตียง การที่ร่างกายต้องหยุดนิ่งนั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อตัวผู้ป่วยเองเท่านั้น แต่ยังสร้างความกังวลใจและความไม่มั่นคงให้กับญาติผู้ดูแลอย่างยิ่ง
บทความนี้จึงไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อเป็นเพียงคู่มือทางการแพทย์เท่านั้น แต่เขียนขึ้นด้วยความเข้าใจในหัวใจของทุกครอบครัวที่กำลังเผชิญหน้ากับความจริงข้อนี้ ดิฉันจะนำท่านไปทำความเข้าใจถึงการดูแลที่ถูกต้องและปลอดภัย ตั้งแต่หลักการพื้นฐาน ไปจนถึงการดูแลที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการช่วยแบ่งเบาภาระและคืนคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ให้กับผู้ป่วยและครอบครัว
หลักการพื้นฐานของการดูแลผู้ป่วยติดเตียง: การดูแลที่เริ่มต้นจากความเข้าใจ

ในมุมมองของพยาบาล การดูแลผู้ป่วยติดเตียงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรักษาอาการป่วยเท่านั้น แต่คือการดูแลที่มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยได้รู้สึกสบายและมีคุณค่ามากที่สุด การดูแลที่ถูกต้องจึงต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจถึงความต้องการพื้นฐานและภาวะเสี่ยงต่างๆ ที่ผู้ป่วยต้องเผชิญค่ะ
1. การดูแลผิวหนังและป้องกันแผลกดทับ: หัวใจสำคัญของการดูแลพื้นฐาน
แผลกดทับนับเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยและเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยติดเตียงค่ะ เกิดจากแรงกดทับของน้ำหนักตัวเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงผิวหนังและเนื้อเยื่อได้ ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นตายและกลายเป็นแผลในที่สุด การป้องกันจึงสำคัญกว่าการรักษามากค่ะ

การพลิกตะแคงตัวอย่างสม่ำเสมอ: หลักการสำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนท่าทางผู้ป่วย ทุก 2 ชั่วโมง โดยควรมีการบันทึกเวลาเพื่อป้องกันการลืม และพลิกตัวสลับข้างอย่างถูกวิธี เพื่อกระจายแรงกดทับไม่ให้เกิดบนจุดเดิมซ้ำๆ
การรักษาความสะอาดและแห้ง: ผิวหนังที่เปียกชื้นจากเหงื่อ ปัสสาวะ หรืออุจจาระ จะยิ่งทำให้ผิวอ่อนแอและเกิดแผลง่ายขึ้น ควรทำความสะอาดผิวหนังผู้ป่วยด้วยน้ำอุ่นหรือสบู่อ่อนๆ และเช็ดให้แห้งสนิทโดยเฉพาะบริเวณข้อพับและใต้ร่มผ้า
การสำรวจผิวหนังอย่างละเอียด: ควรสำรวจผิวหนังของผู้ป่วยในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือทำความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ เช่น กระดูกก้นกบ ส้นเท้า ข้อศอก และกระดูกสะโพก หากพบรอยแดงหรืออาการบวม ควรรีบใช้หมอนรองหรือเปลี่ยนท่าทางทันที
การใช้อุปกรณ์เสริม: การเลือกใช้ ที่นอนลม หรือ ที่นอนสำหรับผู้ป่วยติดเตียง ที่ได้มาตรฐาน จะช่วยลดแรงกดทับได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัวมากขึ้น
2. การดูแลกล้ามเนื้อและข้อต่อ: เพื่อคงศักยภาพในการเคลื่อนไหว
เมื่อผู้ป่วยไม่ได้ขยับร่างกายเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อจะลีบ ข้อต่อจะยึดติด ทำให้ไม่สามารถขยับร่างกายได้ในอนาคต การดูแลจึงต้องครอบคลุมการคงช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อไว้ให้มากที่สุดค่ะ

การทำกายภาพบำบัดเบื้องต้น (Passive Range of Motion): ผู้ดูแลควรทำการขยับข้อต่อต่างๆ ให้กับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอทุกวัน โดยการเคลื่อนไหวจะต้องทำอย่างนุ่มนวลและช้าๆ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ตั้งแต่ปลายนิ้วมือ ปลายนิ้วเท้า ข้อศอก ข้อเข่า ไปจนถึงส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
การจัดท่าที่ถูกต้อง: การจัดท่าให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันข้อต่อผิดรูปได้ เช่น การใช้หมอนรองบริเวณข้อเข่าหรือข้อศอก เพื่อป้องกันการงอค้างเป็นเวลานาน และช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัว
การป้องกันภาวะข้อเท้าตก (Foot Drop): ภาวะนี้เกิดจากการที่ปลายเท้าของผู้ป่วยตกอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถกระดกปลายเท้าขึ้นได้ในอนาคต ควรใช้หมอนหรืออุปกรณ์รองใต้เท้าเพื่อรักษามุมของข้อเท้าให้ถูกต้องอยู่เสมอ
3. การสื่อสารและกระตุ้นพัฒนาการ: การดูแลที่เข้าถึงจิตใจ

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่สมบูรณ์แบบไม่ได้หยุดอยู่แค่การดูแลร่างกายค่ะ แต่ต้องรวมถึงการสื่อสารและการดูแลจิตใจด้วย เพราะผู้ป่วยอาจรู้สึกโดดเดี่ยว ท้อแท้ หรือซึมเศร้าได้
การสื่อสารที่สม่ำเสมอ: แม้ผู้ป่วยจะไม่สามารถโต้ตอบได้เหมือนปกติ แต่การพูดคุย เล่าเรื่องราว หรืออ่านหนังสือให้ฟังอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยกระตุ้นการรับรู้และทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่ายังเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม: จัดสภาพแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยให้น่าอยู่ มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่มืดทึบ และอาจเปิดเพลงเบาๆ ที่ผู้ป่วยชอบเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี
การกระตุ้นประสาทสัมผัส: การให้ผู้ป่วยได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆ เช่น การนวดฝ่ามือ หรือการให้สัมผัสกับเนื้อผ้าที่แตกต่างกัน จะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสที่อาจเสื่อมลงได้
ทั้งหมดนี้คือหลักการพื้นฐานที่ครอบคลุมการดูแลผู้ป่วยติดเตียงค่ะ ที่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เชียงใหม่ CMNH เรายึดมั่นในหลักการเหล่านี้ และพร้อมที่จะเป็นผู้ช่วยในการแบ่งเบาภาระและคืนคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้ผู้ป่วยที่คุณรักค่ะ
หัวใจสำคัญของการดูแลเฉพาะทาง: โภชนาการและการหายใจ

เมื่อผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารหรือหายใจได้ตามปกติ การดูแลในส่วนนี้จะกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องอาศัยความรู้และทักษะเฉพาะทาง เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้ป่วยได้ทันที ที่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เชียงใหม่ CMNH เราให้ความสำคัญกับการดูแลในส่วนนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเราเชื่อว่าการดูแลที่ดีคือการสร้างความมั่นคงในทุกๆ ด้านของชีวิตผู้ป่วยค่ะ
1. โภชนาการที่มากกว่าการกิน: การดูแลผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสายยาง
สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาในการกลืนอาหาร ไม่ว่าจะเป็นจากภาวะหลอดเลือดสมอง หรือปัญหาอื่นๆ การให้อาหารทางสายยาง (NG-Tube) คือทางเลือกที่จำเป็นเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเพียงพอต่อการดำรงชีวิตค่ะ
ความสะอาดคือสิ่งสำคัญสูงสุด (Hygiene is Paramount): ก่อนและหลังการเตรียมอาหารทุกครั้ง ผู้ดูแลต้องล้างมือให้สะอาดและสวมถุงมือที่เหมาะสม ภาชนะและอุปกรณ์ที่ใช้ต้องสะอาดและผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้องเพื่อป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารของผู้ป่วย
การจัดท่าที่ถูกต้อง (Proper Positioning): นี่คือหลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุดค่ะ ก่อนเริ่มให้อาหาร ผู้ป่วยต้องอยู่ในท่านั่งหรือกึ่งนั่งโดยศีรษะต้องอยู่สูงจากลำตัวอย่างน้อย 30-45 องศา เพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของอาหารและของเหลวเข้าสู่ปอด ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะปอดอักเสบจากการสำลัก (Aspiration Pneumonia) ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต และควรคงท่านี้ไว้ 30-60 นาทีหลังให้อาหาร
การจัดการอุณหภูมิและปริมาณอาหาร (Temperature and Volume Control): อาหารที่ให้ควรเป็นอุณหภูมิห้องหรืออุ่นเล็กน้อย ไม่ควรให้ร้อนหรือเย็นจนเกินไป และปริมาณอาหารในแต่ละมื้อต้องพอเหมาะตามคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการ การให้ปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้ผู้ป่วยไม่สบายท้อง ท้องอืด หรือคลื่นไส้อาเจียนได้
การดูแลสายยางและช่องปาก: สายยางต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการอุดตัน และต้องหมั่นทำความสะอาดช่องปากผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอแม้จะไม่ได้เคี้ยวอาหาร เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อโรคในช่องปาก
2. การหายใจที่มั่นคง: การดูแลผู้ป่วยที่ต้องเจาะคอ

สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะระบบทางเดินหายใจมีปัญหา หรือไม่สามารถกลืนเสมหะได้เอง การเจาะคอและใส่ท่อช่วยหายใจ (Tracheostomy) จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถหายใจได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
การดูดเสมหะอย่างถูกวิธี (Correct Suctioning Technique): เป็นทักษะที่ต้องอาศัยความชำนาญ การดูดเสมหะจะต้องทำอย่างถูกวิธีและด้วยความอ่อนโยน เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อภายใน ควรใช้สายดูดเสมหะที่ปลอดเชื้อและทิ้งทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
การทำความสะอาดท่อเจาะคอ (Tracheostomy Tube Care): บริเวณรอบท่อต้องสะอาดอยู่เสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ผู้ดูแลต้องคอยสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ผิวหนังรอบท่อมีรอยแดง บวม หรือมีของเหลวไหลออกมา
การสังเกตการณ์ที่รวดเร็ว (Prompt Observation): ผู้ดูแลต้องสามารถสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยได้ตลอดเวลา เช่น ลักษณะเสมหะที่เปลี่ยนไป สีผิดปกติ เสียงหายใจที่ดังขึ้น หรือมีอาการหายใจลำบาก หากพบความผิดปกติ ควรรีบแจ้งทีมพยาบาลหรือแพทย์ทันทีเพื่อรับการแก้ไขอย่างทันท่วงที
การดูแลด้วยความเข้าใจ: นอกจากเรื่องร่างกายแล้ว การดูแลผู้ป่วยเจาะคอต้องรวมถึงการสื่อสารด้วยความเข้าใจและอดทน เพราะผู้ป่วยอาจรู้สึกไม่สบายตัว วิตกกังวล หรือสื่อสารไม่ได้อย่างปกติ การให้กำลังใจและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
ในมุมมองของดิฉัน การดูแลผู้ป่วยในส่วนนี้จึงเป็นงานที่ละเอียดอ่อนและมีความสำคัญอย่างยิ่งค่ะ การตัดสินใจเลือก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เชียงใหม่ ที่มีทีมพยาบาลวิชาชีพพร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และมีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่ต้อง ให้อาหารทางสาย และ ดูแลผู้ป่วยเจาะคอ โดยเฉพาะ จะช่วยมอบความอุ่นใจและคุณภาพการดูแลที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้ป่วยและครอบครัวอย่างแท้จริงค่ะ
การฟื้นฟูที่มากกว่าแค่กาย: กายภาพบำบัดเพื่อคืนศักยภาพ
เมื่อพูดถึงผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ป่วยอ่อนแรง หลายคนอาจจะนึกถึงการดูแลด้านอาหารและการป้องกันแผลกดทับเป็นหลัก แต่ในมุมมองของนักฟื้นฟู การดูแลที่สมบูรณ์แบบนั้นคือการมองไปข้างหน้าเพื่อฟื้นคืนศักยภาพที่สูญเสียไปค่ะ กายภาพบำบัดจึงไม่ได้เป็นเพียงการบำบัดทางร่างกาย แต่คือการ "คืนชีวิตชีวา" และ "จุดประกายความหวัง" ให้กับผู้ป่วยอีกครั้งค่ะ
1. การฟื้นฟู 'พลังกาย': การคืนศักยภาพในการเคลื่อนไหวที่สูญเสียไป

การทำกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยติดเตียงมีเป้าหมายหลักเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการไม่เคลื่อนไหว และช่วยฟื้นฟูความสามารถในการเคลื่อนไหวให้กลับคืนมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
ป้องกันข้อติดและกล้ามเนื้อลีบ: การทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยคงช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อต่างๆ ทั่วร่างกาย และช่วยให้กล้ามเนื้อยังคงมีความแข็งแรงในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้การฟื้นฟูในอนาคตเป็นไปได้ง่ายขึ้นค่ะ
เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ: เมื่อผู้ป่วยเริ่มมีกำลังมากขึ้น นักกายภาพบำบัดจะเริ่มทำกายภาพบำบัดเพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเริ่มฝึกการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนขึ้นได้ เช่น การพลิกตัว การทรงตัวขณะนั่ง และการพยุงตัวเพื่อยืน
ฟื้นฟูการทำงานที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน: การทำกายภาพบำบัดที่ดีต้องมุ่งเป้าไปที่การคืนความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกการเดิน การหยิบจับสิ่งของ หรือการฝึกใช้แขนข้างที่อ่อนแรง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างใกล้เคียงปกติมากที่สุด
2. การฟื้นฟู 'พลังใจ': การคืนความหวังและกำลังใจ

ในมุมมองของพยาบาล การดูแลที่ดีต้องรวมถึงการดูแลจิตใจด้วยค่ะ การต้องติดอยู่กับเตียงเป็นเวลานานอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกท้อแท้ โดดเดี่ยว หรือซึมเศร้าได้ง่าย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สร้างเป้าหมายเล็กๆ ที่จับต้องได้: กายภาพบำบัดจะช่วยสร้างเป้าหมายที่ชัดเจนและจับต้องได้ให้กับผู้ป่วย เช่น "วันนี้ลองกระดกนิ้วเท้าให้ได้นะ" หรือ "วันนี้ลองนั่งทรงตัวบนเตียงให้ได้นานขึ้น 5 วินาทีนะ" การได้เห็นความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน จะช่วยสร้างกำลังใจที่ยิ่งใหญ่และกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีความมุ่งมั่นที่จะทำกายภาพบำบัดต่อไป
คืนศักดิ์ศรีและความมั่นใจ: การที่ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการสามารถลุกนั่งได้เอง หรือหยิบแก้วน้ำได้เอง จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและรู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่า ไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่นทั้งหมด ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูจิตใจของผู้ป่วยได้อย่างน่าอัศจรรย์ค่ะ
บรรยากาศที่ส่งเสริมการฟื้นฟู: ที่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เชียงใหม่ CMNH เราสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง ไม่เหมือนโรงพยาบาลที่น่ากลัว การทำกายภาพบำบัดในบรรยากาศที่ผ่อนคลายจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจ และมีกำลังใจที่จะทำตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัดได้ดีขึ้นค่ะ
ในฐานะพยาบาล ดิฉันเชื่อว่าการฟื้นฟูที่ดีต้องอาศัยการผสมผสานทั้ง พลังกาย และ พลังใจ เข้าด้วยกันอย่างลงตัวค่ะ และที่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เชียงใหม่ CMNH เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบการดูแลแบบองค์รวมนี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้ป่วยทุกท่านได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีความสุขอีกครั้งค่ะ
บทสรุปจากใจพยาบาล: ความรักคือจุดเริ่มต้น...ให้มืออาชีพช่วยสานต่อ

ตลอดชีวิตการทำงานในฐานะพยาบาล ดิฉันได้เห็นความทุ่มเทและความรักที่ยิ่งใหญ่ของผู้ดูแล ไม่ว่าจะเป็นลูกที่ดูแลพ่อแม่ พี่น้องที่ดูแลกันเอง หรือแม้แต่คู่ชีวิตที่ดูแลกันจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตค่ะ ความรักคือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุด เป็นจุดเริ่มต้นของทุกการดูแลที่ดี
แต่ในเส้นทางการดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งกายและใจ ความรักอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอค่ะ เพราะในบางครั้ง 'ความรัก' ก็จำเป็นต้องอาศัย 'มืออาชีพ' และ 'ความรู้' เพื่อช่วยให้การดูแลเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ความรักที่ต้องอาศัยความรู้: ผู้ดูแลหลายท่านมีความรักเต็มเปี่ยม แต่ขาดความรู้ในเรื่องทางการแพทย์ที่ซับซ้อน เช่น การจัดการโภชนาการสำหรับผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสาย การดูดเสมหะอย่างปลอดภัย หรือการดูแลแผลกดทับที่กำลังลุกลาม ในสถานการณ์เหล่านี้ ความรู้จากมืออาชีพจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เข้ามาเติมเต็มให้การดูแลเป็นไปอย่างถูกต้องและลดความเสี่ยง
ความรักที่ต้องการแรงสนับสนุน: การดูแลผู้ป่วยติดเตียงตลอด 24 ชั่วโมง เป็นภาระที่หนักหน่วงทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผู้ดูแลอาจต้องเผชิญกับความเหนื่อยล้า ความเครียด และความรู้สึกโดดเดี่ยว การได้มีมืออาชีพเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ จึงไม่ใช่แค่การให้การดูแลที่ดีขึ้นแก่ผู้ป่วย แต่ยังเป็นการดูแลและฟื้นฟูจิตใจให้กับผู้ดูแลด้วยเช่นกัน เพื่อให้ความรักที่เคยเต็มเปี่ยมยังคงอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง
ที่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เชียงใหม่ CMNH เราไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ให้การดูแล แต่เราคือพันธมิตรในการดูแลผู้ป่วยของคุณค่ะ เราเข้าใจถึงความห่วงใยที่คุณมี และพร้อมที่จะนำความเชี่ยวชาญของเราเข้ามาช่วยสานต่อความรักนั้นให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ดิฉันเชื่อเสมอว่าการตัดสินใจเลือกศูนย์ดูแล ไม่ใช่การ 'ทอดทิ้ง' แต่เป็นการ 'จัดสรร' สิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนที่คุณรักค่ะ การได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีจากผู้เชี่ยวชาญ ได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง และได้ใช้ชีวิตในบรรยากาศที่อบอุ่น จะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง
หากคุณกำลังเผชิญกับความกังวลในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง และกำลังมองหาคำตอบหรือทางออก ดิฉันและทีมงานที่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เชียงใหม่ CMNH พร้อมให้คำปรึกษาและเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคนที่คุณรักค่ะ เพราะความรักของคุณคือจุดเริ่มต้น และเราพร้อมที่จะช่วยสานต่อความรักนั้นด้วยความรู้และหัวใจแห่งความเป็นมืออาชีพของเรา.



ความคิดเห็น